หากคุณเริ่มใช้ Photoshop อย่างเชี่ยวชาญแล้ว คุณจะรู้ว่ามันมีฟิลเตอร์และปลั๊กอินมากมายสำหรับการประมวลผลและปรับแต่งรูปภาพ ปลั๊กอินทั้งหมดอยู่ในเมนูตัวกรอง และสำหรับผู้ใช้มือใหม่ ตัวเลขอาจดูน่ากลัว อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจปลั๊กอิน Photoshop และจุดประสงค์นั้นไม่ยากอย่างที่คิดในแวบแรก
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
ปลั๊กอินตัวแก้ไขทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มตามการใช้งาน หากจำเป็น คุณสามารถดาวน์โหลดปลั๊กอินใหม่จากอินเทอร์เน็ตและติดตั้งใน Photoshop ได้โดยคัดลอกไปยังโฟลเดอร์ที่เหมาะสมของไดเร็กทอรีโปรแกรมหลัก
ขั้นตอนที่ 2
กลุ่มตัวกรองที่มีประโยชน์และใช้กันทั่วไปกลุ่มหนึ่งคือ Sharpening Filters หากคุณต้องการเพิ่มความคมชัดให้กับภาพที่เบลอและปรับปรุงคุณภาพ ให้ใช้ฟิลเตอร์ของกลุ่ม Sharpen สำหรับสิ่งนี้ ฟิลเตอร์ Sharpen แบบธรรมดานั้นแตกต่างจาก Sharpen More ในด้านความเข้มของเอฟเฟกต์บนภาพถ่าย
ขั้นตอนที่ 3
คุณยังสามารถใช้ฟิลเตอร์ Sharpen Edges ซึ่งเพิ่มความคมชัดของขอบของรูปภาพ และฟิลเตอร์ Unsharp Mask ซึ่งช่วยให้คุณปรับปรุงความคมชัดของรูปภาพได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
ขั้นตอนที่ 4
มักใช้ฟิลเตอร์สำหรับการเบลอภาพ - ฟิลเตอร์ของกลุ่มเบลอ ในการเบลอภาพ ให้ใช้ฟิลเตอร์ Blur และ Gaussian Blur ซึ่งคุณสามารถปรับรัศมีการเบลอได้
ขั้นตอนที่ 5
ด้วยฟิลเตอร์ Radial Blur คุณสามารถทำให้ภาพถ่ายของคุณมีเอฟเฟกต์การหมุนที่น่าสนใจ ในตัวกรอง Smart Blur คุณสามารถปรับระดับความเบลอของภาพได้อย่างละเอียด ใช้ฟิลเตอร์ Motion Blur หากคุณต้องการจำลองเอฟเฟกต์ของวัตถุเคลื่อนไหวในภาพถ่าย
ขั้นตอนที่ 6
นอกจากการถ่ายภาพแล้ว กราฟฟิก ในบรรดาฟิลเตอร์ศิลปะ (กลุ่มศิลปะ) คุณสามารถใช้ดินสอสีเพื่อสร้างเอฟเฟกต์การวาด ฟิลเตอร์ Dry Brush ที่จำลองการวาดด้วยพู่กันแห้ง และฟิลเตอร์ศิลปะอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถปรับแต่งอย่างละเอียดในแกลเลอรีที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 7
คุณสามารถกำหนดเอฟเฟกต์ของการวาดภาพด้วยดินสอขาวดำ จิตรกรรมฝาผนัง โมเสก ภาพวาดสีพาสเทล นูนพลาสติก และอื่นๆ ให้กับภาพถ่ายได้ นอกจากนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ทางศิลปะ คุณสามารถใช้ฟิลเตอร์ของกลุ่ม Brush Strokes และ Sketch ได้
ขั้นตอนที่ 8
หากต้องการบิดเบือนรูปภาพหรือบางส่วนของรูปภาพ ให้ใช้ฟิลเตอร์ของกลุ่ม Distort และเพื่อทำให้รูปภาพมีสไตล์และให้เอฟเฟกต์ต่างๆ กับรูปภาพ ให้ใช้ฟิลเตอร์ของกลุ่ม Stylize